Thursday, December 30, 2010

10 ทฤษฎีวันสิ้นโลก Doomsday Theories นำไปสู่ วันสิ้นโลก

ดูเหมือนจะกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันไปทั่วโลกในขณะนี้ สำหรับทฤษฎีโลกาวินาศ หรือ ทฤษฎีวันสิ้นโลก (Doomsday Theories) ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับโลกเร็ว ๆ นี้ ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และประเด็นดังกล่าวก็ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงกันอีกครั้งในขณะนี้ ยิ่งปี 2012 ที่เชื่อว่าจะเป็นวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึงในเวลาอีกไม่นานนี้อีก ทั้งยังมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นบ่อยครั้งและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยิ่งทำให้ทฤษฎีวันสิ้นโลกของนักวิทยาศาสตร์กลายเป็นที่สนใจของคนทั่วโลกกันมากขึ้น ด้วยเชื่อว่ามันอาจจะเกิดขึ้นจริงตามที่นักวิทยาศาสตร์ได้เคยคาดการณ์กันไว้ ก็เป็นได้


เว็บไซต์เทเลกราฟ ของอังกฤษ จึงได้มีการจัดอันดับปรากฏการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้น อันเป็นปรากฏการณ์ที่นำไปสู่ยุคโลกาวินาศ โดยอาศัยหลักฐานต่าง ๆ มาประเมินความน่าจะเป็นของทฤษฎีต่าง ๆ และจัดอันดับความน่าจะเป็นของปรากฏการณ์สู่ยุคโลกาวินาศออกมาได้ดังนี้


1. ปรากฏการณ์วิกฤตโลกร้อน ภาย ในปี 2100 นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โลกจะร้อนขึ้นจนทำลายสมดุลทางธรรมชาติ ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และแพร่กระจายไปทุกอณูอากาศ และความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่รวดเร็ว จะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ จนโลกใบนี้มีทรัพยากรน้อยลง และในที่สุด ประชากรบนโลกก็จะอพยพหนีจากที่ที่เสียหายจากภัยพิบัติไปรวมตัวกันในพื้นที่ แห่งใหม่ที่ปลอดภัยและมีทรัพยากรหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ในยุคนั้นที่ทรัพยากรถูกทำลายไปจนเหลือน้อยลงแล้ว ก็จะไม่มีทรัพยากรเพียงพอต่อประชากรทั้งโลก และสิ่งที่ตามมาเป็นอันดับสุดท้ายก็คือการยื้อแย่งทรัพยากรกันเองในหมู่ ประชากรโลก ท่ามกลางสภาพอากาศที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อง ๆ จนประชากรโลกอยู่ได้อย่างลำบาก

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 7/10


2. ปรากฏการณ์การค่อย ๆ สูญพันธุ์ของผึ้ง มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนี้ ผึ้งจะค่อย ๆ หายสาบสูญไปจากโลก หลังจากที่มีการพบว่าผึ้งที่เลี้ยงอยู่ในสหรัฐกว่าครึ่งหายสาบสูญไปจากรัง จนนางพญาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ยาฆ่าแมลง การตัดแต่งพันธุกรรมในพืช หรืออาจมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าแรงสูงก็เป็นได้ แต่จากหลักฐานที่มีการพบว่าผึ้งได้หายสาบสูญไป ก็พอจะทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำนายได้ว่า มันอาจจะสูญพันธุ์ไปในเวลาอันใกล้นี้ และนั่นจะส่งผลร้ายต่อพืชที่มีผึ้งเป็นตัวผลิตอย่างแน่นอน

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 7/10


3. ปรากฏการณ์ขาดแคลนน้ำมัน โลกใกล้เข้าสู่ยุคขาดแคลนน้ำมันอย่างสิ้นเชิงเข้าไปทุกที หลังจากมีการตรวจพบว่าปริมาณน้ำมันทั่วโลกนั้นลดลง เนื่องจากความต้องการที่มากขึ้น จากการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ขึ้นมาทุก ๆ วัน แล้วใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการใช้งาน ก็มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน โลกจะถึงจุด Peak Oil หรือภาวะขาดแคลนน้ำมันชนิดที่ไม่เหลือน้ำมันเหลืออยู่เลย ซึ่งวิกฤตน้ำมันนี้จะเกิดขึ้นภายในไม่เกินปี 2020 ตราบใดที่ยังไม่มีการใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนน้ำมัน

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 4/10


4. ปรากฏการณ์ก่อการร้ายทำลายโลก หลัง จากมีเหตุการณ์ก่อการร้าย 911 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544 ที่ส่งผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตกว่า 3,000 คนแล้ว กลุ่มก่อการร้ายอัลเกดาห์ จะยังคงรวมตัวกันสร้างความวุ่นวายให้กับโลกด้วยการรวบรวมอาวุธสงครามทำลาย ล้างโลกโดยไม่คำนึงถึงความเสียหายเหมือนที่เคยเกิดขึ้น และกลุ่มก่อการร้ายนี้เองจะมุ่งเป้าไปที่ชาติมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และอังกฤษก่อนเป็นอันดับแรก และส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ในเวลาต่อมา และจะสร้างความเสียหายหนักกว่าที่เคยเป็นมาเมื่อ 9 ปีก่อนอย่างแน่นอน

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 2/10


5. สงครามโลกครั้งที่ 3 สงคราม โลกครั้งที่ 3 นี้จะเกิดขึ้นจากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่ จำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ถูกทำลาย และก่อให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรในหมู่ประชากรโลกครั้งใหญ่ มีการผลิตอาวุธสงครามเพื่อทำลายกันเอง และในที่สุดจะทำให้ประชากรโลกต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกทั้งสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ก็จะพังทลาย สร้างความเสียหายไปทุกพื้นที่บนโลก หรืออีกคำทำนายหนึ่งคือสงครามโลกครั้งที่ 3 อาจเป็นสงครามนิวเคลียร์ที่อาจทำลายล้างโลก เพราะมีกองทัพรูปแบบเก่าคอยจ้องจะก่อสงครามได้ตลอดเวลา

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1.5/10


6. ปรากฏการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ โดย เฉลี่ยแล้วในทุก ๆ 50,000 - 60,000 ปี โลกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ครั้งหนึ่ง ซึ่งมันจะทำลายล้างพื้นที่โดยรอบกว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร ก็อาจเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานลาวาที่อยู่ใต้พื้นพิภพจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เป็นเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่เลยที เดียว โดยหลังจากที่เกิดภูเขาไฟแล้ว ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิบนโลกอีกครั้ง ทำให้โลกมีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังทำนายจากการเคลื่อนไหวของลาวาใต้เปลือกโลก พบว่า มันพร้อมที่จะระเบิดออกมาแล้วภายในศตวรรษนี้

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1/10


7. การเปลี่ยนขั้วของสนามแม่เหล็ก โดย ปกติแล้วสนามแม่เหล็กจะเปลี่ยนขั้วโดยทิ้งช่วงระยะเวลาห่างกันเฉลี่ยนอยู่ ที่ประมาณ 250,000 ปีต่อครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะยังไม่มีทฤษฎีใดสามารถอธิบายใดว่าการกลับขั้วของสนามแม่ เหล็กโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่หากมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ย่อมส่งผลต่อโลกให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศในบริเวณต่าง ๆ เช่น ทำให้ประเทศเขตร้อนมีหิมะตก หรือมีอากาศหนาวเหน็บจนยากที่จะปรับตัวได้ทัน เกิดพายุหมุนอย่างรุนแรง แผ่นดินไหว แต่ไม่อาจคร่าชีวิตประชากรโลกจนสูญพันธุ์ได้

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 1/10


8. ปรากฏการณ์ภัยพิบัติจากดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์จะเกิดการปะทุครั้งใหญ่และความร้อนจากดวงอาทิตย์จะเผาผลาญทุกสิ่ง ทุกอย่างบนโลกให้หายไปในชั่วพริบตา และโลกจะเกิดหายนะในปี 2012

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.3/10



9. ปรากฏการณ์ดาวนิบิรุชนโลก แม้ จะเป็นดาวลึกลับในตำนาน แต่นิบิรุกลับถูกเชื่อมโยงเข้ากับปรากฏการณ์วันสิ้นโลก โดยดาวนิบิรุจะมีวงโคจรทับเส้นเดียวกับวงโคจรของโลก และยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2012 นี้ มันจะเดินทางเข้าใกล้โลกมากจน

สามารถมองเห็นมันใหญ่กว่าดวงอาทิตย์เลยทีเดียว

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.2/10


10. มนุษย์ต่างดาวบุกโลก แม้ จะไม่มีหลักฐานยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่ แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์กันว่าอีกไม่เกิน 30 ปี มนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก ส่วนจะทำอะไรกับโลกหรือประชากรบนโลกหรือไม่นั้น ยังไม่มีการระบุแต่อย่างใด

ความเป็นไปได้ของปรากฏการณ์นี้ 0.1/10



ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ต่าง ๆ ข้างต้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์คาดเดาว่าอาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่เราควรตระหนักถึงคือการเตรียมตัวรับมือกับปรากฏการณ์ที่น่าจะเกิด ขึ้นเหล่านี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากที่ สุด ที่มีความน่าจะเป็นถึง 7/10 คะแนน นั่นคือ วิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ที่ในขณะนี้มีหลักฐานออกมาชัดเจน ยืนยันว่าโลกกำลังเข้าใกล้ยุคโลกร้อนเต็มทีแล้ว ก็คงถึงเวลาแล้วที่ประชากรโลกควรร่วมมือกันยื้อเวลาวิกฤตสิ่งแวดล้อมนี้เสียที

Sunday, December 19, 2010

คำพยากรณ์ ของเจ้าแม่กวนอิมโพธิสัตว์

ใครยังไม่เคยไปภูเก็ตก็รีบ ๆไปเที่ยวนะ จริงไม่จริงไม่รู้ ภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกำลังจะเกิด ขึ้นในไม่ช้านี้ เป็นความเสียหายมหาศาลที่ไม่อาจคาดคะเนได้เลย ภัยธรรมชาติในครั้งนี้ ทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินนับไม่ถ้วน ภัยครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างเงียบสงบมาก โดยไม่มีการเตือนให้รู้ตัวก่อนเลย ทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่มีใครได้มีโอกาสตั้งตัว


ถ้าอยู่ในพื้นที่ ที่เสี่ยงอันตราย ภัยครั้งนี้จะคร่าทุกชีวิตโดยไม่มีแบ่งแยกว่าจะรวยหรือจน ภายใน 1 ชั่วโมง


ทุกสิ่งจะจมหายอยู่ใต้ท้องทะเล เวลาสั้นๆไม่มีความช่วยเหลือไม่มีการเหลียวแลจากใครเลย เพราะทุกชีวิตล้วนแล้ว แต่ดิ้นรนเอาตัวรอด


เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นคาดว่าไม่เกินปี พ.ศ. 2555 ไม่น่าคลาดเคลื่อนไปกว่านี้ ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น ต้นปีหรือท้ายปีเท่านั้นเอง ไม่มีเทพองค์ใดที่จะหยุดทุกสิ่งไม่ให้เกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งถูกกำหนดไว้แล้วและมันกำลังจะเกิดขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์นั่นเอง(ทำลายธรรมชาติ) เพราะเหตุการณ์ที่จะเกิด ขึ้นในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเกาะภูเก็ตถูกทำลายไปมาก การก่อสร้างของเกาะภูเก็ต เป็นการทำลายรากฐานซึ่งเป็นแกนขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 9 กิโลเมตร กำลังร้าว และแตกออกจากกัน อีกไม่นานมันก็จะหักและจมลงในทะเล น้ำจะท่วม จะเกิดคลื่นยักษ์ที่ใหญ่ที่สุด น้ำจะซัดเข้าหาฝั่ง เกือบทุกพื้นที่ของภาคใต้และจะจมหายอย่างถาวรตลอดกาล


ความเสียหายในครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะเมืองไทยเท่านั้น ยังมีอีกหลายประเทศที่มีพื้นที่ติดทะเลจะจมหายหมด เพราะฉะนั้นทุกคนจึงควรเตรียมความพร้อมนับแต่บัดนี้ และไปให้พ้นจาก พื้นที่อันตรายให้ เร็วที่สุด อย่ามัวคิดว่ามันจะเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะไม่มีเวลาให้คิดแล้ว ถ้าจะทำอะไรให้ทำเลยโดยไม่ต้องสงสัย เพราะความสงสัยจะทำให้ไม่รอดจากภัยพิบัติครั้งนี้

การเตรียมความ พร้อม

1. หาแหล่งที่อยู่ ใหม่ที่ปลอดภัย (เมืองไทย ยกเว้นภาคใต้ หรือจังหวัดที่ติดทะเล)

2. เตรียมน้ำดื่มน้ำใช้ อย่างน้อย 6 เดือน

3. เตรียมอาหารแห้งและยารักษาโรค

4. เตรียมตะเกียง หรือเทียน ไฟฉาย และถ่าน

5. เตรียมเครื่องนุ่งห่ม

6. เตรียมจิตใจให้เข้มแข็ง อย่ากลัว อย่าท้อ

การช่วยเหลือ ชีวิตมนุษย์ เป็นการสร้าง กุศลที่ยิ่ง ใหญ่ ผู้ที่บอกต่อชีวิตไม่อับไม่จน...

ขอให้ทุกคนมี จิตใจเมตตา ปราณี ช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อวิกฤติมาถึง...

ขอให้ลูกหลาน ทุกคนจงแคล้วคลาดจากภัยพิบัติในครั้งนี้ และจงมีแต่ความสุขความเจริญภายภาคหน้าตลอดไป.



* คำพยากรณ์ วันที่ 28 เมษายน 2555 เป็น วันมหันตภัย*

พระผู้มีอภิญญาฝากเตือนมาว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว

บทความของ อ.มงคล กริชติทายาวุธ เรื่องที่ 778


...พระผู้มีอภิญญาฝากเตือนมาว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว

พระผู้มีอภิญญาท่านนี้มีนามว่า"หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านฝากเตือนมาว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว น่าสงสารสัตว์โลกที่จะต้องตายจำนวนมาก


สำนักสงฆ์ของท่าน อยู่ติดกับ "วัดซับปลากั้ง" ลำพญากลาง ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี 18180 (น่าจะอยู่ในเส้นทางลัดที่จะออกไปเขาใหญ่) ตามข่าวแจ้งว่า สำนักสงฆ์ของท่านไม่มีชื่อ ผู้ที่ส่งข่าวนี้มาแจ้งว่า "หลวงปู่ประเสริฐ" ท่านมีอภิญญาสูง มีฤทธิ์มาก โดยได้เห็นมากับตาหลายครั้ง และลูกศิษย์ ก็เห็นมาหลายคน โดยเขาเล่าว่า เขาได้ไปพบท่านเมื่อไม่นานมานี้ โดยไปกับกลุ่มของเพื่อนคุณพ่อเขา วันนั้นไปกันราว 10 คน นั่งรถตู้ของเพื่อนคุณพ่อจากกรุงเทพ 8.00 น. กว่าจะถึง สำนักสงฆ์ของท่าน ก็เกือบเที่ยง เส้นทางวกวน เหมือนเขาวงกต เพราะสำนักสงฆ์อยู่บนเขาสูง (แถวนั้นเรียกว่า "ลำพญากลาง") สูงจากพื้นดินมาก เพราะทุกคนในรถตู้รู้สึก "หูอื้อ" ทุกคน พอไปถึงก็ยังไม่พบท่าน เพราะท่านอยู่ในกุฏิด้านหลัง ซึ่งห้ามไม่ให้ใครเข้า สภาพของสำนักสงฆ์เรียบง่าย มีกุฏิ 2 หลัง, มีวิหารเล็กๆ 1 หลัง, มีโรงครัวเล็กๆ 1 หลัง, มีห้องน้ำราว 10 ห้อง ทั้งหมดมาจากเงินผู้บริจาค ของผู้ที่มากราบท่านทั้งสิ้น หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 หรือ เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มาตั้งแต่ที่นั่นยังเป็นป่าอยู่เลย ยังไม่มีอะไรเลย มีแต่ป่าทั้งนั้น พอท่านอยู่ไปก็มีผู้คนไปกราบไหว้ท่านจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นสักครู่ หลวงปู่ท่านก็เดินลงมา เขาเล่าว่าหลวงปู่ท่านอายุน่าจะประมาณ 80 ปีได้ รูปร่างสูงสง่างาม (น่าจะสูงเกิน 180 ซม.) ดูท่านใจดี ลักษณะการเดินของท่านดูน่าเลื่อมใส น้ำเสียงที่นุ่มนวล ท่านบอกกับทุกคนว่า "เอาล่ะนะ ถึงเวลาที่ชั้นจะบอกเรื่องสำคัญละนะ ทุกคนตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วไปเตือนผู้คนและคนอื่นๆด้วย" ท่านก็เริ่มพูดให้ฟังว่า


“ แท้จริงประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลก น่าจะพบกับความหายนะครั้งใหญ่จากภัยธรรมชาติใหญ่ ซึ่งผู้คนต้องตายเกือบหมดโลกตั้งแต่ พ.ศ.2545-2549 แต่ที่มันไม่เกิดก็เพราะว่ามีพระผู้ทรงอิทธิฤทธิ์หลายท่าน รวมไปถึงเทวดาผู้รักษาโลกมนุษย์ ช่วยกันแก้ไขเหตุการณ์ ด้วยการอธิษฐานจิต ให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งในความเป็นจริง มันได้แค่เลื่อนออกไปเท่านั้น ยังไงๆเหตุการณ์ที่เป็นภัยธรรมชาติใหญ่ และความหายนะครั้งใหญ่ต้องเกิดขึ้น แน่นอน นับแต่ช่วง พ.ศ. 2549-2552 แรงอธิษฐานมันหมดกำลังลงแล้ว จะไม่สามารถอธิษฐานเลื่อนภัยธรรมชาติใหญ่ และความหายนะครั้งใหญ่ได้อีก และจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ต่อจากนี้ไป ภัยธรรมชาติ และความหายนะครั้งใหญ่ จะค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นๆมากขึ้นๆ โดยเริ่มทีละน้อยจาก พ.ศ. 2552 เป็นต้นไป จะค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้น ๆ สารพัดภัยธรรมชาติ แผ่นดินไหว , พายุ , ภูเขาไฟระเบิด , น้ำทะเลสูงท่วมแผ่นดิน , หมู่เกาะทั้งหมดจะจมใต้ทะเลทั้งหมด โรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ๆ และสารพัดอย่าง จะประดังเข้ามา สำหรับประเทศไทยนั้น ภาคเหนือ, ภาคอีสาน, ภาคใต้ จะโดนหนักที่สุด ฯลฯทุกอย่างจะจบสิ้นก่อนปี พ.ศ. 2560 มนุษย์ที่มีศีลไม่ครบ จะถูกภัยธรรมชาติใหญ่คร่าชีวิตเกือบทั้งหมด และมนุษย์ที่รอดชีวิตนั้นมีไม่กี่คนเท่านั้น และคนที่รอดชีวิตส่วนมาก จะเสียสติไปเลย เพราะตกใจกับเหตุการณ์แบบสุดชีวิต ”


หลวงปู่บอกว่า เอายังงี้แล้วกันนะ คนจะตายกันเกือบหมดโลกเลย แต่ประเทศไทยจะเหลือมากที่สุดคือรอดประมาณ 20-30 % ของประชากรไทย ไปคำนวณกันเอาเอง (หากเป็นจริงตามที่ "หลวงปู่ประเสริฐ" พูด จะมีคนไทยตายในช่วง 8 ปีนี้ ถึง 40 ล้านคนเป็นอย่างน้อย) โดยจะเหลือแค่คนมีศีลธรรมจริงๆเท่านั้นเอง


หลังปี พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป มนุษยชาติจะเข้าสู่ยุคใหม่ เรียกว่ายุคศิวิไลซ์ เนื่องจากคนไทยจะเหลือมากที่สุด (20-30 %) (หรืออยู่รอดประมาณ20 ล้านคน) ต่อไปประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และเป็นศูนย์กลางของโลก


เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ ผู้คนยุคนั้นจะเปลี่ยนทัศนะคติในการดำเนินชีวิตใหม่ทั้งหมด ในยุคนั้น ผู้คนจะไม่สนใจเงินทองอีกเลย เงินทองจะเป็นแค่เศษกระดาษเท่านั้น แต่จะมาแข่งขันในเรื่องของการบำเพ็ญบุญ-กุศล อันได้แก่ ทาน, ศีล, ภาวนา ท่านว่าเวลาของโลกมนุษย์เหลือน้อยแล้ว เหตุการณ์มันกำลังจะมาถึงแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆทำ เลิกใช้ชีวิตแบบโง่เขลาเบาปัญญาเสียที สิ่งที่จะติดตัวเราไปมีเพียงบุญ-บาป เท่านั้น จงเร่งสั่งสมบุญ อันได้แก่ ทาน, ศีล, สมาธิ,วิปัสสนา จงจำไปบอกต่อๆกันด้วยนะ ขอให้เอาชีวิตรอดให้ได้นะ ชั้นก็มีเรื่องจะบอกเท่านี้แหละนะ เจริญพร อายุมั่น ขวัญยืน


ทุกคนก็กราบท่านด้วยความรู้สึกใจหวิวๆ บอกไม่ถูกค่ะ ผู้ส่งข่าวนี้มาได้บอกว่า ..เอาไว้เพื่อนๆลองไปกราบหลวงปู่ท่านเองแล้วกันนะ บางคนพออ่านเสร็จแล้วอาจจะไม่เชื่อ เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อน บางคนอาจจะพยายามปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดต่างๆนาๆ ว่า คงไม่จริงหรอก แต่ผู้ส่งข่าวนี้มา เขาเชื่อมากๆว่า ก่อน พ.ศ. 2560 เหตุการณ์ต้องเกิดขึ้นแน่นอน เพราะคำพูดของหลวงปู่ท่านศักดิ์สิทธิ์ ไม่เป็นอื่น นี่ไม่ใช่เวลามาปลอบใจตัวเอง แต่เป็นเวลาที่ควรเร่งรีบให้ทาน, รักษาศีล 5, นั่งสมาธิ, วิปัสสนา เพื่อเป็นเสบียงบุญเดินทางต่อไปยังภพหน้า เลิกยึดมั่นถือมั่นใน ทรัพย์สมบัติ, บุตร, ภรรยา, สามี ตำแหน่งหน้าที่การงาน ฯลฯได้แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ติดตัวเราไปไม่ได้เลยนอกจาก บุญ-บาป เท่านั้น


ในเรื่องนี้เห็นด้วยว่า ท้ายที่สุด หากจะต้องตาย ไม่มีใครจะมาช่วยเราได้แน่นอน ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้าเพียงไร ไม่ว่าจะมีอำนาจมากแค่ไหน สิ่งที่จะเกื้อกูลได้ในอนาคตก็คือ กุศลกรรมของตัวเราเองเท่านั้น เขาส่งข่าวมาว่า ในวันเกิดภัยพิบัติ คนที่จะรอดชีวิต ต้องมีศีลมีธรรมจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะรอด เขาแจ้งว่าได้นำคำเตือนของหลวงปู่ประเสริฐฯ มาเตือนชาวไทยแล้ว ทำหน้าที่เสร็จแล้ว ส่วนใครจะไม่เชื่อ จะปล่อยให้ชีวิตผ่านไปวันๆ นอนรอความตาย ก็ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์โลก เพราะคนที่มีศีล มีธรรม มีบุญเท่านั้น ที่จะตื่นตัวกับเหตุการณ์ใหญ่ในครั้งนี้ ....


อภิญญา ของหลวงปู่ประเสริฐที่มีเพื่อนๆในเว็บพลังจิตได้ประจักษ์แก่สายตามาบ้างแล้ว ลองอ่าน Link ของสมาชิกบางคนที่ได้ไปพบหลวงปู่ประเสริฐมาแล้วก็ได้


ขอปิดท้าย ชาวพุทธทุกคนทราบดีว่า พุทธศาสนาจะมีอายุ 5,000 ปี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ในวันภัยพิบัติ คนที่จะรอดชีวิต ต้องมีศีลมีธรรมจริงๆเท่านั้น ไม่ใช่ทุกคนจะรอด


รายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ประมาณ พ.ศ.2563

คาดเดาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา

น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เมืองที่อยู่ริมชายฝัง,เกาะ,เมืองที่มีแม่น้ำไหลผ่าน อาจจมน้ำได้

อเมริกาเหนือ

1.นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 24,857,000 คน

2.ฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 7,452,300 คน

3.ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ประชากรประมาณ 16,927,620 คน

4.โทรอนโต แคนาดา ประชากรประมาณ 9,258,400 คน

5.ออตตาวา แคนาดา ประชากรประมาณ 12,638,450 คน

6.ฮาวานา คิวบา ประชากรประมาณ 7,524,000 คน

อเมริกาใต้

7.การากัส เวเนซูเอรา ประชากรประมาณ 12,856,000 คน

8.บัวโนสไอเรส อาเยนตินา ประชากรประมาณ 5,492,000 คน

9.โบโกตา โคลอมเบีย ประชากรประมาณ 14,584,900 คน

10.เซาเปาโล บราซิล ประชากรประมาณ 8,243,000 คน

11.ซาติเอโก ชิลี ประชากรประมาณ 11,859,200 คน

ยุโรป

12.ลอนดอน อังกฤษ ประชากรประมาณ 18,672,000 คน

13.เฮลซิงกิ ฟินแลนด์ ประชากรประมาณ 7,473,600 คน

14.ปารีส ฝรั่งเศส ประชากรประมาณ 17,253,000 คน

15.สต็อกโฮม สวีเดน ประกรประมาณ 12,854,000 คน

16.อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ประชากรประมาณ 8,967,000 คน

17.ดับลินไอร์แลนด์ 4,982,400 คน

เอเชีย

18.โตเกียว ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 34,749,000 คน

19.นางาซากิ ญี่ปุ่น ประชากรประมาณ 21,746,450 คน

20.โซล เกาหลีใต้ ประชากรประมาณ 9,255,000 คน

21.ไทเป ใต้หวัน ประชากรประมาณ 18,792,000 คน

22.เซี่ยงไฮ้ จีน ประชากรประมาณ 16,482,900 คน

23.ฮ่องกง จีน ประชากรประมาณ 17,784,000 คน

24.ฮานอย เวียดนาม ประชากรประมาณ 15,644,200 คน

25.กรุงเทพมหานคร ไทย ประชากรประมาณ 11,584,700 คน

26.สิงคโปร์ซิตี้ สิงคโปร์ ประชากรประมาณ 3,257,000 คน

27,ย่างกุ้ง พม่า ประชากรประมาณ 4,922,000 คน

ออสเตรเลีย

28.ซิดนีย์ ออสเตรเลีย ประชากรประมาณ 18,351,400 คน

29.วิกตอเรีย ออสเตรเลีย 8,445,000 คน

30.เวลลิงตัน นิวซีแลนด์ ประชากรประมาณ 4,799,520 คน

ที่มา : www.dek-d.com

ข้อมูลรายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ : สำนักงานธรณีวิทยาทางน้ำ ประเทศสหรัฐอเมริกา

ข่าวลือ ฤาว่าจะเป็นจริงหว่า

มีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจากเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างไบเบิลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อม เกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น




เรื่องนี้คือเรื่องดาวปริศนาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล ถ้าใครได้ดูบทความในปี 2002 จะทราบว่านักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อ ๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือนพฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาสตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)



และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า............สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้ แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ....... ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น

สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว แต่.... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มขึ้นมา แสดงว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย



เทคโนโลยีขั้นสูงในการถ่ายซูม ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็นดาวฤกษ์ครับและทับเข้ามาแค่ไหน เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาวนิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับ แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!


และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีเงินไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับ

แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตล่ะ

นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายแสนปีก่อน

แต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูง หรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตราย

เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกะทันหัน เกิดพายุต่างๆ นา และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ปิดข่าว แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น


ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอกดาวฤกษ์ และ อุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)


ก็หวังว่าในระยะหลังนี้หลายท่านคงตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่เพิ่มและรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าถามถึงกระแสในปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นคำว่าโลกร้อน แต่ยังมีสิ่งหนี่งที่ผมเองสนใจอย่างยิ่งคือ จุดจบของโลกในปี ค.ศ 2012 ซึ่งเริ่มนับถอยหลังเพียงแค่อีก 3 ปีเท่านั้น รายละเอียดต่าง ๆ นั้นค้นหาใน google เอานะครับ ซึ่งมีมากมาย ผมขอสรุปตามที่ค้นหามาได้ดังนี้

1. ทางวิทยาศาสตร์ NASA ออกมาบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

2. ทางโหราศาสตร์ บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของโลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์

3. ทางโบราณคดี ชาวมายามีปฏิทินถึงเพียงแค่ปี 2012 และระบุวันจุดจบของโลกไว้

4. ทางการทำนาย นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศี ตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์

5. ทาง UFO ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่า มนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ)

6. ทางความคิดผมเอง ศาสนาพุทธและคริส9N ได้ระบุวันจุดจบไว้แล้วในปี พุทธศักราชและคริสต์ศักราช

ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้น น่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบัน ผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจารณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัว ผมขอโยงไปเรื่องโหราศาสตร์ที่จะมีโลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศ และจักรวาล


ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นจริงและอย่างรุนแรง ผมคงไม่ขอสาธยายไว้ ณ ที่นี้นะครับ เพราะจะเขียนยังไงก็ได้ ทำให้เกิดความกลัวและตื่นตูมไปเสียเปล่า เวลาเหลืออีกเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น ก็มาลุ้นกันแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงไหม ?


สำหรับผมแล้ว (พวกคิดไม่เหมือนคนอื่น) คงเลือกที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อเอาตัวรอดต่อไป ไม่ว่าจะทำสถานีตรวจวัดอากาศ งานด้านพลังงาน งานด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ฯลฯ จะเอาความรู้ที่ได้ศึกษาไว้มาปรับใช้เพื่อปกป้องและป้องกันภัยให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ และนี้ก็คือสิ่งที่จะบอกบ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุน้ำท่วมประเทศไทย


การทำนายนั้นอยู่คู่กับสังคมของเรามานาน โดยเฉพาะการทำนายธรรมชาติ เช่นการดูสีของท้องฟ้า ก้อนเมฆ สายลม ดวงดาว แม้กระทั่งการมองเห็นด้วยจิต ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและธรรมชาติได้ เหมือนที่เคยฮือฮากันไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อนายกอร์ดอน (Gordon-Michael Scalion) ชาวอเมริกันที่เคยเสียชีวิตเมื่อปี 1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ้างว่า ได้รับพรสวรรค์ที่หยั่งรู้อนาคต เขามักจะเดินทางไปอยู่บนพื้นที่สูงๆ บนภูเขา แล้วมองลงมาเห็นภาพในอนาคต โดยเฉพาะภาพของเมืองที่เปลี่ยนไป และโลกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่


คนที่เชื่อถือนายกอร์ดอนนั้นมีไม่น้อย เพราะได้เคยฝากผลงานการทำนายที่แม่นยำเอาไว้ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจริส เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 , เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนีย เมื่อมกราคม 2537 รวมอีกหลายเหตุการณ์ที่เขาทายไว้แล้วก็ถูกเผง


แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ก็เห็นจะเป็นการทำนายเมื่อปี พ.ศ. 2521 ซึ่งเขาเห็นตัวเองลอยอยู่เหนืออวกาศ แล้วมองลงมาบนโลกด้วยภาพแผนที่โลกใหม่ เขาจึงใช้เวลาอยู่ 4 ปี ที่จะร่างแผนที่โลกอนาคตที่เห็นคนเดียวนั้นออกมาสู่สายตาชาวโลก พร้อมทั้งให้คำอธิบายไว้ว่า โลกที่แปรเปลี่ยนไปนี้จะเกิดจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ทำให้ทวีปของโลกเคลื่อนไปหมด และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 หรือ พ.ศ.2541-2555 นั่นเอง


ความเชื่อนี้สอดคล้องกับคำทำนายของอีกหลายคน เช่น นายฮูเซลีนโย่ (Juseleeno ) ชาวบราซิล ที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าด้วยตานิมิต สิ่งที่เขาเห็นแบบเดียวกับกอร์ดอนก็คือ โลกจะพังพินาศด้วยภัยธรรมชาตินานัปการ เป็นต้นว่า ในปี 2551นี้ ญี่ปุ่นจะเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงจีนมีการเสียชีวิตนับล้านคน และจะเกิดการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในอเมริกา ปี 2553 ทวีปแอฟริกาจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และปี 2554 จะเกิดโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ฆ่ามนุษย์ วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2557 ดาวเคราะห์ขนาดเล็กจะชนกับโลก จนถึงปี 2558 มนุษย์จะตายเพราะทนความร้อนไม่ได้


สำหรับ “อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า” ผู้ ซึ่งอ้างว่าเคยได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้โด่งดังนั้น ก็อ้างว่าเขามีโทรจิตที่เห็นภาพอนาคตจากการบอกเล่าของมนุษย์ต่างดาวว่า ในปี ค.ศ.2012 นั้น จะมีแสงสว่างมากที่สุดในกาแลกซี่และสะท้อนไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัว สิ่งมีชีวิตและโลกจะปั่นป่วนอย่างยิ่ง


ด้วยความเชื่อเหล่านี้ บวกกับความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ จึงมีผู้คาดการณ์วันอันน่าระทึกเอาไว้ที่วันที่ 21 เดือน ธันวาคม ค.ศ.2012 นั้น เป็นวันเริ่มต้นกระบวนการดับสูญของโลก หรือ “Doomsday -21/12/12” โดย คาดการณ์ว่าเป็นวันที่พระอาทิตย์จะเดินทางมาอยู่ยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ ทำให้โลกดวงเล็กๆ ของเราคลอนโยกเยก และปลิวไปมา กระทั่งอาจจะต้องดับสูญลงไป โดยขณะนี้มีผู้จำลองเหตุการณ์ของ Doomsday แบบมัลติมีเดียไว้ในเวบไซต์ของ YouTube มากกว่า 20 ชุด


มีผู้อธิบายปรากฏการณ์นี้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า เกิดจากการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้คอมพิวเตอร์ Hyderabad คำนวณการแลกเปลี่ยนพลังงานที่ขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้สลับตำแหน่งกัน พบว่ามีคุณสมบัติแม่เหล็กพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ทุก ๆ 11 ปี และจะก่อพลังงานสูงสุดได้ในปี 2012 อย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเมื่อหลายล้านปีก่อน อย่างไรก็ดี มีผู้ออกความเห็นมากมายที่ยังเชื่อว่า ปี 2012 อาจไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะเห็นโฉมหน้าของโลกใหม่


กลับมาที่แผนที่โลกของนายกอร์ดอนอีกครั้ง ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ (Future Map Of The World) ได้ระบุเหตุการณ์ไว้มากมาย สรุปที่สำคัญๆ ได้เป็นต้นว่า


ออสเตรเลียจะเสียแผ่นดินไป 25% จากน้ำท่วม, นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะแผ่นดินเก่าและใหม่จะเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน นิวซีแลนด์ห่างไกลจากทะเลมาก แอฟริกาจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างกว่าเดิมมาก ทะเลแดงจะกว้างออกทำให้ "โคโร" จมหายไปในทะเล เช่นเดียวกับเกาะมาดากัสการ์ จะมีแผ่นดินเกิดใหม่ในทะเลอาหรับ ทะเลสาบวิคตอเรีย จะรวมเข้ากับทะเลสาบยาซาไหลสู่มหาสมุทรอินเดีย ส่วนอเมริกาใต้จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ลุ่มน้ำอเมซอนจะกลายเป็นทะเลปิดแบบเดียวกับทะเลสาบสงขลา


ในเมกซิโกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวต่อเนื่องยาวนาน 25 ศตวรรษ ส่วนยุโรปตอนเหนือจะจมลงทะเล เหลือเพียงแค่เกาะเล็กๆ รัสเซียจะแยกจากยุโรป เกิดทะเลใหญ่ยาวมาก ฝรั่งเศสจะจมน้ำเหลือแต่กรุงปารีส ทางน้ำใหม่จะแยกสวิสเซอร์แลนด์ออกจากฝรั่งเศส และอิตาลี เวนิส เนเปิ้ลรวมถึงโรมจะจมน้ำหายไปในทะเล ฯลฯ


มาดูฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง แผนที่ใหม่นี้บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างอลาสก้ากับรัสเซีย เกาะญี่ปุ่นจึงจะจมหายไปหมด เหลือไว้แค่ 2-3 เกาะ เท่านั้น ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และไต้หวันกับเกาหลี ก็จะหายจมไปในทะเล ดังนั้น แนวฝั่งของจีนก็จะร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ทีเดียว อินโดนีเซียจะถูกทำลายเช่นเดียวกับฟิลิปินส์ เอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากเพราะตั้งอยู่บน 3 ทวีป ส่วนไทยนั้นอยู่บนแผ่นทวีปของยูเรเซี่ยน ซึ่งจะเกิดการยกตัวให้สูงขึ้น


บริเวณที่หายถาวรทั้งแผ่นดิน นราธิวาส สตูล พังงา ภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะทะเลตรัง ตราด เกาะช้าง เกาะสมุย เกาะพงัน อ่างทอง ชะอำ


บริเวณที่เหลือเพียงบางส่วน แต่จะกลายเป็นเกาะเล็ก ๆ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-ชุมพร บริเวณที่หายเป็นส่วนใหญ่ จะเหลือเพียงบางส่วน ยะลา หาดใหญ่ พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ อุบลราชธานี แผ่นดินริมแม่น้ำโขงตลอดแนวกาญจนบุรี


ประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

พื้นที่ในส่วนภาคกลาง อันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และบริเวณในส่วนของภาคใต้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกาะใหญ่ ๆ ได้แก่

1. บริเวณตั้งแต่ชุมพรฝั่งตะวันตก ได้แก่ ท่าแซะ ระนอง สุราษฎร์ธานีฝั่งตะวันตก บริเวณด้านบนของ อ. พนม

อ.เทียนชา อ.บ้านนาเดิม นครศรีธรรมราชตอนบน ขนอม

2. บริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช ที่ต่อแดนกับจังหวัดกระบี่ด้านบน ฉวาง ร่อนพิบูล ชะอวด จังหวัดตรังด้านตะวันออก จังหวัดพัทลุงด้านตะวันตก หาดใหญ่ จังหวัดยะลาด้านตะวันตก

นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่เกิดขึ้นมาใหม่ อีกหลายเกาะได้แก่ เกาะสัตหีบ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี ชุมพร บริเวณที่จะกลายเป็นพื้นที่ติดกับทะเล ดินแดนที่จะมีอาณาเขตติดกับทะเล ได้แก่ สงขลาทางด้านตะวันตก ยะลาทางด้านตะวันออก หาดใหญ่ กระบี่ตอนบนด้านที่ติดกับจังหวัดพังงา ตอนกลางของ จ. สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ อ.พนม อ.เคียงซา จรดเขตจังหวัดกระบี่ ชุมพรด้านใน ท่าแซะ ตอนล่างของเมืองประจวบคีรีขันธ์ และ ถ.เพชรเกษมฝั่งตะวันออกตลอดแนวของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ ถ. ชลบุรี-ปากท่อ ช่วงสมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเมืองแปดริ้ว บ้านค่ายปลวกแดง จ.ระยอง ตัวเมืองจันทบุรี และตลาดท่าใหม่วังน้ำเย็น จรด จ.สระแก้ว เหนือเขื่อนเขาแหลมด้านตะวันตก กาญจนบุรี ศรีสะเกษ อุบลราชธานี มุกดาหาร สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย อำนาจเจริญ บ้านร่มเกล้า จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ด้านที่ติดกับประเทศลาว น่านด้านตะวันออกตอนล่าง บ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะกลายเป็นดินแดนชายฝั่งทะเล ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองรักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลก และจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็นศูนย์กลางของโลกต่อไป

เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในต่างประเทศ

เกาะฮาวาย อเมริกา จะถูกคลื่นยักษ์ที่มาพร้อมกับพายุไซโคลนกระหน่ำ ทั้งเกาะจะถูกลบหายไปจากแผนที่โลก ฟิลิปปินส์ ถูกพายุไซโคลนกระแทก ก่อนเกิดเหตุจะแลเห็นน้ำทะเลเป็นสีดำหม่นหมอง บรรยากาศหดหู่ เวิ้งว้าง ไม่นานนักจะเกิดพายุไซโคลนก่อตัวขึ้น พายุที่รุนแรง ข้างล่างดูด ข้างบนตี กระแทก จนกระทั่งเกาะทุกเกาะจมหายลงไปในทะเล


ไอร์แลนด์เหนือและใต้ อากาศหนาวจัด อย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในขณะเดียวกันจะถูกคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ ในขณะที่หนาวจัดนั่นเอง



ฮ่องกงถูกทะเลคลั่ง น้ำทะเลสูง ชินจุงจะหายถาวร เกาะสนามบินแห่งใหม่จะถูกคลื่นตีแตกหายไปในทะเล ในบริเวณแถบนั้นจะเหลือเพียงแค่เกาะเกาลูน และประเทศจีนบางส่วนเท่านั้น


เกาะมาเก๊า เผชิญพายุฝนอย่างหนัก รวมทั้งคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ จนกระทั่งเกาะทรุดเอียง น้ำทะเลขึ้นสูง ยามรุ่งเช้าหลังจากพายุสงบ จะเหลือเพียงโบสถ์คริสต์แห่งหนึ่งกับบาทหลวงที่กำลังสวดมนต์ภาวนาเพียง 3 รูปเท่านั้น


นิวซีแลนด์ถูกพายุโซนร้อนถล่ม ฝนที่ตกลงมาจะมีเม็ดโตเท่าลูกเห็บ น้ำท่วมสูง แต่เกาะจะไม่สูญหายถาวร


อเมริกา จะถูกพายุที่รุนแรงถล่มอย่างหนักหน่วง พร้อมเกิดแผ่นดินไหวฉับพลัน 24 ริกเตอร์เป็นระยะเวลานาน ถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกนี้ อเมริกาจะถูกแบ่งเป็น 2 ซีก กลายเป็นเกาะ2 เกาะ นิวยอร์คจะทรุดตัวเหลือเพียงบางส่วน นอกนั้นจะจมหายไปในท้องทะเลจนหมดสิ้น


ตุรกี แผ่นดินไหว อย่างรุนแรง 16 ริกเตอร์


คิวบา จมหายลงไปใต้ทะเล


สิงคโปร์ หายไปจากแผนที่โลก เนื่องจากถูกพายุไซโคลนกระแทกอย่างหนัก


อินโดนีเซีย ถูกพายุไซโคลนกระแทกจนกระทั่งหายไปจากโลก เหมือนเช่นที่ฟิลิปปินส์จะเหลือเพียงเกาะเล็กๆ ในส่วนที่เคยเป็นยอดเขาของกรุงจากาต้าเท่านั้น


เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เกิดน้ำท่วมใหญ่ แม่น้ำกลายเป็นทะเล แผ่นดินซีกตะวันออกจะจมหายไปทั้งหมด เกาหลีใต้จะจมหาย


ญี่ปุ่น หายไปจากโลก ก่อนเกิดเหตุจะมีบรรยากาศเงียบสงัด วังเวง หดหู่เวิ้งว้าง มนุษย์จะเห็นเหตุการณ์ประหลาด เมฆสีเทาก้อนใหญ่ 2 ก้อน ลอยเคลื่อนตัวเข้าหากัน แล้วชนกันแตกกระจายเป็นฝนเม็ดโต ๆ ใต้ทะเลเกิดคลื่นไซโคลนขยายตัวพุ่งเข้าหาเกาะ จะกระแทกทุกเกาะเหมือนล้อมรั้ว เกาะทุกเกาะจมหายลงไปในทะเล



ไต้หวัน เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ตอนกลางเกาะถูกแบ่งเป็น 2 ซีก จากนั้นจะโดนคลื่นยักษ์กระหน่ำซ้ำเติม เกาะทั้งเกาะจะจมหายไป


อเมริกา (แผ่นดินถูกผ่ากลางหายสาบสูญไปหลายรัฐ กลายเป็นเกาะ 2 เกาะ) เม็กซิโก (บางส่วนจะกลายเป็นเกาะ) แคนาดา (จะกลายเป็นหมู่เกาะใหญ่ น้อยมากมาย)


สถานที่แห่งแรกในประเทศไทย ที่จะเผชิญกับลาวาร้อนจากไฟใต้โลก จะเกิดขึ้นจากทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดแรกในภาคอีสาน ตามรอยต่อของจังหวัดที่ติดกันเป็นแนวยาว เริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นแนวแยกของแผ่นดินคดเคี้ยว ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ธารโลหะร้อนจะไหลลามแผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้าง ข้ามวันข้ามคืนติดต่อกัน จากนั้นพายุที่รุนแรงจะนำน้ำมาดับไฟ ก่อให้เกิดน้ำท่วม และโรคร้ายที่จะระบาดอย่างรุนแรง จนสุดที่จะเยียวยาได้ โดยเฉพาะอหิวาตกโรคสายพันธุ์ใหม่ ที่มนุษย์เชื่อว่าได้กำจัดมันจนหมดไปจากโลกนี้แล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันกำลังฟักตัว และจะมีฤทธิ์ร้ายแรงกว่าตอนที่ถูกมนุษย์ปราบมันไปตอนนั้นเสียอีก ซึ่งมันสามารถคร่าชีวิตผู้รับเชื้อได้ในระยะเวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น


ท้องฟ้ามืดมิด ฝนจะเริ่มตกหนักทั่วโลกอย่างไม่หยุดยั้ง น้ำจะเอ่อขึ้นเรื่อย ๆ จนเข้าท่วมแผ่นดินในหลาย ๆ พื้นที่ พายุไซโคลนจะพัดกระหน่ำ ซึ่งจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ประมาณ 160 กม./ชม. พัดผ่านกรุงเทพ ผ่านช่องแม่น้ำเจ้าพระยา ตึกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อยู่ใกล้กับสะพานกลางเก่ากลางใหม่ในย่านฝั่งธนบุรี จะพังทลายลงมา จากการโหมกระหน่ำและความบ้าคลั่งของลมพายุ มีผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 600 คน


ในเวลาหลังจากนั้นไม่นานนัก ตึกสีขาวที่อยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงข้ามจะพังทลายตามลงมา ยอดตึกที่พังทลายจะแลเห็นโผล่เหนือน้ำ ให้เห็นเป็นอนุสรณ์ของคราบน้ำตา หลังคาบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงจะปลิวว่อน เสาไฟฟ้าจะล้มระเนระนาด ด้วยความรุนแรงของลมพายุ


ตึกสูงย่านประตูน้ำใน กทม. ผนังตึกส่วนหนึ่งจะรูดลงมากองกับพื้น ด้วยความรุนแรงของลมพายุที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง จะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนในบริเวณใกล้เคียงอย่างเหลือที่จะคณานับ


เทือกเขาตะนาวศรีในเขต จ.ราชบุรี จะพังทลายลงมา เนื่องจากแผ่นดินไหวที่รุนแรง ซึ่งจะเปิดเผยให้เห็นถึงภูเขาไฟที่ซุกซ่อนอยู่ หลังจากนั้นไม่นานภูเขาไฟลูกแรกในประเทศไทย จะระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสียงดังกึกก้องกัมปนาทดังมาถึงกรุงเทพ ธารลาวาจะไหลลงไปยังฝั่งพม่า ไม่นานนักระเบิดลูกที่สอง และลูกที่สามก็ตามมา ลูกที่สี่จะรุนแรงอย่างถึงที่สุด ซึ่งจะสร้างความอำมหิตให้กับภาคเหนือและภาคอีสานต่อไป



บ้านกุดฉิม อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น จะเกิดภูเขาไฟแห่งที่สองระเบิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตประมาณ 500 คน เกิดแผ่นดินไหว และมีลาวาร้อนจากภูเขาไฟไหลเคลื่อนตัวทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า


บ้านโพธิ์ อ.ศรีสัตชนาลัย สุโขทัย มีผู้เสียชีวิตร่วมพันคน เกิดภูเขาไฟระเบิดใน จ.กาฬสินธุ์ อย่างกะทันหัน จนยากที่ผู้คนในบริเวณนั้นจะตั้งตัวทัน และจะเกิดปรากฎการณ์ที่แปลกประหลาดมีจำนวนเด็กและผู้หญิงที่เสียชีวิตมากกว่าผู้ชาย


จ.ตรัง เกาะทุกเกาะจะจมหายไป เนื่องจากลมพายุที่รุนแรงและทะเลคลั่ง ที่กลบเกลื่อนหมู่เกาะให้หลับลึกไปอย่างรวดเร็ว



จ.สมุทรปราการ จะจมหายลงไปในท้องทะเลครึ่งเมืองอย่างถาวร เนื่องมาจากลมพายุที่โหมกระหน่ำ บวกกับน้ำทะเลหนุนสูง น้ำจะท่วมอย่างรวดเร็ว และมีสายน้ำเปลี่ยนทิศไหลผ่าเมืองอย่างน่าหวาดกลัว ผู้ที่รับบาดเจ็บจากหายนะในครั้งนี้ จะถูกนำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านสำโรง ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้จะเป็นประตูต้นทางของกระแสน้ำที่ไหลเปลี่ยนทิศ แต่ก็เป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดของเมืองสมุทรปราการ


เกาะสมุย จะถูกลบหายไปจากแผนที่โลก เนื่องจากแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง และเกิดพายุรวมทั้งคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ




โลกเกิดหายนะอุทกภัยน้ำท่วมโลกแน่นอน

โลกเกิดหายนะอุทกภัยน้ำท่วมโลกแน่นอน




อาจารย์สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นนักวิทยาศาสตร์ขององค์การ NASA จริงและมีตัวตนจริง ยืนยัน 2012 โลกเกิดหายนะอุทกภัยน้ำท่วมโลกแน่นอน

NASA ปิดข่าวเรื่องนี้ เพราะถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่ไหมโลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอกว่าเกิดจากดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้) ข่าวใหม่ล่าสุด 23 พ.ค. 2552

ช่อง 11 (4 ทุ่ม) มีการคุยเรื่อง ภัยพิบัติล้างโลก 2012 อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญไฮโดรเจนจากองค์การนาซ่า และเป็นผู้บุกเบิกรถยนต์ Hydrogen ในประเทศไทย ด้วยวิธีการใช้ไฟฟ้าแยกน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง

อาจารย์สุมิตร" ทำงานในองค์การ NASA ในสายงานคือร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อสร้างยานอวกาศ อพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (แต่รู้ในวงจำกัด) "อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้น จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน และคนในองค์การ NASA ทุกคนทราบเรื่องนี้มานานแล้ว และได้สร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจาก อุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 ใกล้เสร็จแล้ว (แต่ "อาจารย์ สุมิตร" ไม่ได้บอกว่าสร้างไว้กี่ลำ)

"อาจารย์ สุมิตร" ยังยืนยันด้วยว่า มนุษย์ต่างดาวนั้นมีจริง ปัจจุบันมีมนุษย์ต่างดาวมาทำงานร่วมกับองค์การ NASA โดยสื่อสารทาง "โทรจิต" ในการถ่ายทอดความรู้ทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยมนุษย์จากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 (มนุษย์บางคนเท่านั้นที่ถูกเลือกให้รอด)

อาจารย์ ยังยืนยันด้วยว่าโลกมนุษย์เราไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ในจักรวาลอื่นๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวประมาณ 200 จักรวาล ซึ่งโลกของเราเป็นเพียงจักรวาลเล็กๆ 1 จักรวาล เท่านั้น เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวหรอกนะ มนุษย์โลกสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้วโดยทาง "โทรจิต" แต่ทาง "สหรัฐอเมริกา" นั้นค่อนข้างปกปิดเรื่องนี้ ทำให้คนส่วนมากในโลกไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้ ก็จะมองว่าเรื่องมนุษย์ต่างดาวเป็นเรื่องเหลวไหล

"อาจารย์ สุมิตร" เป็นนักวิทยาศาสตร์องค์การ NASA มาหลายปีแล้ว ท่านเคยไปบอกให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของไทยเร่งสร้างยานอวกาศ เพื่ออพยพคนไทยจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 โดยเร็ว เพราะ "คุณสุวิช" มีเทคโนโลยีในการสร้างแล้ว ขาดก็แต่งบประมาณเท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเชื่อ แถมมองว่าท่านเป็นบ้าอีกด้วย พวกฝรั่งเขารู้กันมานาน เขาสร้างยานอวกาศเพื่ออพยพผู้คนจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกในค.ศ. 2012 เกือบเสร็จแล้ว แต่คนไทยยังไม่เชื่อ จะจมน้ำตายกันอยู่แล้ว ไม่รู้วันๆ คนไทยทำอะไรกันอยู่ น่าสงสารคนไทยจริงๆ

"อาจารย์ สุมิตร" ยืนยันว่าอีก 3 ปี ข้างหน้านี้ โลกกำลังจะเกิดหายนะขึ้นจากอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012 แน่นอน นี่เป็นเรื่องจริงที่ฝรั่งเค้าตื่นตัวกันมาก โดยเฉพาะในหมู่นักวิทยาศาสตร์อวกาศ แต่คนไทยเกือบทั้งหมดยังไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ น่าสงสารคนไทยจริงๆและยังกล่าวว่า คนไทยน่าจะเลิกทะเลาะกันได้แล้ว อีก 3 ปี ได้จมน้ำตายแน่ๆ เพราะอุทกภัยน้ำท่วมโลกใน ค.ศ. 2012นั้น เป็นวันหายนะที่ร้ายแรงมาก ร้ายแรงขนาดล้างโลกเลยทีเดียว ไม่งั้นมนุษย์ต่างดาวเค้าคงไม่มาทำงานร่วมกับองค์การ NASA เพื่อช่วยในการสร้างยานอพยพผู้คนในครั้งนี้เป็นแน่นี่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล

ลองหาข้อมูลของ อาจารย์ สุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ใน Google ดูนะ ฉะนั้นบอกคนที่คุณรักซะว่าคุณรักเค้ามากแค่ไหนเพราะอีก3ปี...คงไม่มีโอกาสได้บอก

ทาง NASA ได้คํานวนไว้เเล้ว ว่า

- ระบบอิเล็กโทรนิคจำนวนมากจะทำงานผิดปกติ (ระบบขีปนาวุธ computer)

- การอพยพของฝูงสัตว์ เช่น นก หรือปลาวาฬ ทำให้สูญเสียทิศทางและอื่นๆ

- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์รวมถึงมนุษย์จะทำให้อ่อนอย่างมาก

- ทำให้ภูเขาไฟเพิ่มขึ้น เกิดการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม

- สนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere) จะอ่อนแอลง และการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณถึงระดับอันตราย ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังตามมา ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เเละในที่สุดเราก็จะตายกันหมด

- กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านมากมายจะเฉียดเข้าใกล้โลกได้ง่ายขึ้น

- แรงดึงดูดของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

Tuesday, October 19, 2010

ข่าวดี! วันสิ้นโลกเลื่อนไปอีก

พีระมิดของชนเผ่ามายาที่โผล่ขี้นมาจากซากปรักหักพัง


มีรายงานข่าวผ่านเว็บไซต์ยาฮู ในวันนี้(วันที่ 20 ตุลาคม 2553) ว่า วันอวสานของโลกซึ่งระบุในปฏิทินของชนเผ่ามายาว่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า คือ ปี ค.ศ. 2012 ซึ่งตรงกับพุทธศักราช 2555นั้น บัดนี้วันอวสานของโลกดังกล่าวจะเลื่อนเวลาเกิดออกไปอีกนานถึง 50-100 ปี ทั้งนี้จากการศึกษาและตีความของศาสตราจารย์ บาร์บารา แห่งภาควิชาชินาคาและชินาโคศึกษา มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งข่าวดีนี้เป็นที่โล่งใจเบาใจของบรรดาผู้ที่มีความเชื่อเรื่องวันอวสานหรือวันสิ้นของโลกที่ว่าจะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า








Popular Posts