Sunday, December 19, 2010

ข่าวลือ ฤาว่าจะเป็นจริงหว่า

มีข่าวลือเกี่ยวกับวันสิ้นโลกมากมายเหลือเกิน บางแหล่งก็อ้างน้ำท่วมจากเหตุโลกร้อน บางแหล่งก็อ้างไบเบิลเพราะพระเจ้ากำหนดมา แต่มีสิ่งหนึ่งที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พร้อม เกี่ยวปรากฎการณ์ที่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าเกิดขึ้นก็จบ... ไม่เหมือนกับ LHC ที่กลัวโอกาสว่าจะเกิดหรือเปล่าเท่านั้น




เรื่องนี้คือเรื่องดาวปริศนาดวงที่ 12 ของระบบสุริยะจักรวาล ถ้าใครได้ดูบทความในปี 2002 จะทราบว่านักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อ ๆ แต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้ว ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือนพฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกัน มันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาสตร์ว่า นิบิรุ (Nibiru)



และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า............สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้ แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราะห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ....... ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น

สิ่งที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ....

ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็คซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้ว แต่.... มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มขึ้นมา แสดงว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย



เทคโนโลยีขั้นสูงในการถ่ายซูม ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็นดาวฤกษ์ครับและทับเข้ามาแค่ไหน เส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาวนิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับ แปลว่า... มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!


และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีเงินไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับ

แนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ...

แล้วทำไม? มันเกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตล่ะ

นักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อหลายแสนปีก่อน

แต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูง หรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตราย

เพราะแกนของดาวมีสนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติ เกิดภาวะน้ำขึ้นกะทันหัน เกิดพายุต่างๆ นา และเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว

ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA ปิดข่าว แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น


ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอกดาวฤกษ์ และ อุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!! (ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)


ก็หวังว่าในระยะหลังนี้หลายท่านคงตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่เพิ่มและรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าถามถึงกระแสในปัจจุบันก็คงหนีไม่พ้นคำว่าโลกร้อน แต่ยังมีสิ่งหนี่งที่ผมเองสนใจอย่างยิ่งคือ จุดจบของโลกในปี ค.ศ 2012 ซึ่งเริ่มนับถอยหลังเพียงแค่อีก 3 ปีเท่านั้น รายละเอียดต่าง ๆ นั้นค้นหาใน google เอานะครับ ซึ่งมีมากมาย ผมขอสรุปตามที่ค้นหามาได้ดังนี้

1. ทางวิทยาศาสตร์ NASA ออกมาบอกว่าสนามแม่เหล็กโลกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง

2. ทางโหราศาสตร์ บ่งบอกว่าจะเกิดการเรียงตัวกันของโลก กาแล็คซี่ทางช้างเผือก และดวงอาทิตย์

3. ทางโบราณคดี ชาวมายามีปฏิทินถึงเพียงแค่ปี 2012 และระบุวันจุดจบของโลกไว้

4. ทางการทำนาย นอสตราดามุสได้ทำนายไว้กับราศี ตีความแล้วสอดคล้องกับ ทางโหราศาสตร์

5. ทาง UFO ผู้ที่ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้อ้างว่า มนุษย์ต่างดาวได้บอกเค้า(แล้วแต่ความเชื่อ)

6. ทางความคิดผมเอง ศาสนาพุทธและคริส9N ได้ระบุวันจุดจบไว้แล้วในปี พุทธศักราชและคริสต์ศักราช

ไม่ว่าจะทางใด ดูจากหลาย ๆ ทางแล้วชี้ไปในปีเดียวกัน ความเชื่อมั่นกับสิ่งที่จะเกิดในปี 2012 นั้น น่าจะมีอะไรเกิดการเปลี่ยนแปลงแน่ ๆ แต่ที่แน่ ๆ ในปัจจุบัน ผมมั่นใจว่ามันน่าจะเริ่มเกิดขึ้นแล้ว โดยสังเกตจากผลกระทบจากภัยธรรมชาตินี่เอง เมื่อกลับมามองดูปี 2012 ก็เลยมานั่งพิจารณาดูเล่น ๆ (การนับเลขฐานสิบจะนับศูนย์ถึงเก้า) ถ้าเราตัดเลขสองออกก็จะได้เลขนับ 0->1->2 เมื่อมาดูเป็นปี พ.ศ. มันเป็นปี 2555 (เลยสวยมาก) ถ้าเราตัดเลขสองออกเช่นกัน จะได้เลข 5 เรียงตัวกัน 3 ตัว ผมขอโยงไปเรื่องโหราศาสตร์ที่จะมีโลก กาแล็คซี่ และดวงอาทิตย์ ที่จะเกิดการเรียงตัวกัน ผลลัพธ์นั้นคงบอกไม่ได้ อาจเกิดผลกระทบรุนแรงต่อโลกหรืออาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะสิ่งที่เราไม่รู้นั้นยังมีอีกมากมายทั้งในอวกาศ และจักรวาล


ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้นจริงและอย่างรุนแรง ผมคงไม่ขอสาธยายไว้ ณ ที่นี้นะครับ เพราะจะเขียนยังไงก็ได้ ทำให้เกิดความกลัวและตื่นตูมไปเสียเปล่า เวลาเหลืออีกเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น ก็มาลุ้นกันแล้วว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจริงไหม ?


สำหรับผมแล้ว (พวกคิดไม่เหมือนคนอื่น) คงเลือกที่จะศึกษาค้นคว้าเพื่อเอาตัวรอดต่อไป ไม่ว่าจะทำสถานีตรวจวัดอากาศ งานด้านพลังงาน งานด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี ฯลฯ จะเอาความรู้ที่ได้ศึกษาไว้มาปรับใช้เพื่อปกป้องและป้องกันภัยให้กับตัวเองและคนอื่น ๆ และนี้ก็คือสิ่งที่จะบอกบ่งบอกได้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุน้ำท่วมประเทศไทย


การทำนายนั้นอยู่คู่กับสังคมของเรามานาน โดยเฉพาะการทำนายธรรมชาติ เช่นการดูสีของท้องฟ้า ก้อนเมฆ สายลม ดวงดาว แม้กระทั่งการมองเห็นด้วยจิต ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินและธรรมชาติได้ เหมือนที่เคยฮือฮากันไปเมื่อหลายปีก่อน เมื่อนายกอร์ดอน (Gordon-Michael Scalion) ชาวอเมริกันที่เคยเสียชีวิตเมื่อปี 1979 แต่กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็อ้างว่า ได้รับพรสวรรค์ที่หยั่งรู้อนาคต เขามักจะเดินทางไปอยู่บนพื้นที่สูงๆ บนภูเขา แล้วมองลงมาเห็นภาพในอนาคต โดยเฉพาะภาพของเมืองที่เปลี่ยนไป และโลกที่จะเกิดขึ้นมาใหม่


คนที่เชื่อถือนายกอร์ดอนนั้นมีไม่น้อย เพราะได้เคยฝากผลงานการทำนายที่แม่นยำเอาไว้ เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหวในลอสแองเจริส เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 , เหตุการณ์แผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนีย เมื่อมกราคม 2537 รวมอีกหลายเหตุการณ์ที่เขาทายไว้แล้วก็ถูกเผง


แต่ที่น่าตื่นเต้นที่สุด ก็เห็นจะเป็นการทำนายเมื่อปี พ.ศ. 2521 ซึ่งเขาเห็นตัวเองลอยอยู่เหนืออวกาศ แล้วมองลงมาบนโลกด้วยภาพแผนที่โลกใหม่ เขาจึงใช้เวลาอยู่ 4 ปี ที่จะร่างแผนที่โลกอนาคตที่เห็นคนเดียวนั้นออกมาสู่สายตาชาวโลก พร้อมทั้งให้คำอธิบายไว้ว่า โลกที่แปรเปลี่ยนไปนี้จะเกิดจากน้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด ทำให้ทวีปของโลกเคลื่อนไปหมด และสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1998-2012 หรือ พ.ศ.2541-2555 นั่นเอง


ความเชื่อนี้สอดคล้องกับคำทำนายของอีกหลายคน เช่น นายฮูเซลีนโย่ (Juseleeno ) ชาวบราซิล ที่มองเห็นอนาคตล่วงหน้าด้วยตานิมิต สิ่งที่เขาเห็นแบบเดียวกับกอร์ดอนก็คือ โลกจะพังพินาศด้วยภัยธรรมชาตินานัปการ เป็นต้นว่า ในปี 2551นี้ ญี่ปุ่นจะเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงจีนมีการเสียชีวิตนับล้านคน และจะเกิดการก่อการร้ายครั้งใหญ่ในอเมริกา ปี 2553 ทวีปแอฟริกาจะเกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และปี 2554 จะเกิดโรคไวรัสสายพันธุ์ใหม่ฆ่ามนุษย์ วิทยาศาสตร์จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ จนถึงปี 2557 ดาวเคราะห์ขนาดเล็กจะชนกับโลก จนถึงปี 2558 มนุษย์จะตายเพราะทนความร้อนไม่ได้


สำหรับ “อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า” ผู้ ซึ่งอ้างว่าเคยได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้โด่งดังนั้น ก็อ้างว่าเขามีโทรจิตที่เห็นภาพอนาคตจากการบอกเล่าของมนุษย์ต่างดาวว่า ในปี ค.ศ.2012 นั้น จะมีแสงสว่างมากที่สุดในกาแลกซี่และสะท้อนไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัว สิ่งมีชีวิตและโลกจะปั่นป่วนอย่างยิ่ง


ด้วยความเชื่อเหล่านี้ บวกกับความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ จึงมีผู้คาดการณ์วันอันน่าระทึกเอาไว้ที่วันที่ 21 เดือน ธันวาคม ค.ศ.2012 นั้น เป็นวันเริ่มต้นกระบวนการดับสูญของโลก หรือ “Doomsday -21/12/12” โดย คาดการณ์ว่าเป็นวันที่พระอาทิตย์จะเดินทางมาอยู่ยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ ทำให้โลกดวงเล็กๆ ของเราคลอนโยกเยก และปลิวไปมา กระทั่งอาจจะต้องดับสูญลงไป โดยขณะนี้มีผู้จำลองเหตุการณ์ของ Doomsday แบบมัลติมีเดียไว้ในเวบไซต์ของ YouTube มากกว่า 20 ชุด


มีผู้อธิบายปรากฏการณ์นี้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า เกิดจากการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้คอมพิวเตอร์ Hyderabad คำนวณการแลกเปลี่ยนพลังงานที่ขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้สลับตำแหน่งกัน พบว่ามีคุณสมบัติแม่เหล็กพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ทุก ๆ 11 ปี และจะก่อพลังงานสูงสุดได้ในปี 2012 อย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเมื่อหลายล้านปีก่อน อย่างไรก็ดี มีผู้ออกความเห็นมากมายที่ยังเชื่อว่า ปี 2012 อาจไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะเห็นโฉมหน้าของโลกใหม่


กลับมาที่แผนที่โลกของนายกอร์ดอนอีกครั้ง ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ (Future Map Of The World) ได้ระบุเหตุการณ์ไว้มากมาย สรุปที่สำคัญๆ ได้เป็นต้นว่า


ออสเตรเลียจะเสียแผ่นดินไป 25% จากน้ำท่วม, นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะแผ่นดินเก่าและใหม่จะเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน นิวซีแลนด์ห่างไกลจากทะเลมาก แอฟริกาจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างกว่าเดิมมาก ทะเลแดงจะกว้างออกทำให้ "โคโร" จมหายไปในทะเล เช่นเดียวกับเกาะมาดากัสการ์ จะมีแผ่นดินเกิดใหม่ในทะเลอาหรับ ทะเลสาบวิคตอเรีย จะรวมเข้ากับทะเลสาบยาซาไหลสู่มหาสมุทรอินเดีย ส่วนอเมริกาใต้จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ลุ่มน้ำอเมซอนจะกลายเป็นทะเลปิดแบบเดียวกับทะเลสาบสงขลา


ในเมกซิโกจะเกิดภูเขาไฟระเบิดและแผ่นดินไหวต่อเนื่องยาวนาน 25 ศตวรรษ ส่วนยุโรปตอนเหนือจะจมลงทะเล เหลือเพียงแค่เกาะเล็กๆ รัสเซียจะแยกจากยุโรป เกิดทะเลใหญ่ยาวมาก ฝรั่งเศสจะจมน้ำเหลือแต่กรุงปารีส ทางน้ำใหม่จะแยกสวิสเซอร์แลนด์ออกจากฝรั่งเศส และอิตาลี เวนิส เนเปิ้ลรวมถึงโรมจะจมน้ำหายไปในทะเล ฯลฯ


มาดูฝั่งเอเชียของเรากันบ้าง แผนที่ใหม่นี้บอกว่าแผ่นดินไหวครั้งใหญ่จะทำให้เกิดน้ำท่วมตั้งแต่ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ไปจนถึงทะเลแบริ่ง ซึ่งอยู่ระหว่างอลาสก้ากับรัสเซีย เกาะญี่ปุ่นจึงจะจมหายไปหมด เหลือไว้แค่ 2-3 เกาะ เท่านั้น ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และไต้หวันกับเกาหลี ก็จะหายจมไปในทะเล ดังนั้น แนวฝั่งของจีนก็จะร่นเข้าไปในแผ่นดินใหญ่หลายร้อยไมล์ทีเดียว อินโดนีเซียจะถูกทำลายเช่นเดียวกับฟิลิปินส์ เอเชียจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากเพราะตั้งอยู่บน 3 ทวีป ส่วนไทยนั้นอยู่บนแผ่นทวีปของยูเรเซี่ยน ซึ่งจะเกิดการยกตัวให้สูงขึ้น


บริเวณที่หายถาวรทั้งแผ่นดิน นราธิวาส สตูล พังงา ภูเก็ต หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะทะเลตรัง ตราด เกาะช้าง เกาะสมุย เกาะพงัน อ่างทอง ชะอำ


บริเวณที่เหลือเพียงบางส่วน แต่จะกลายเป็นเกาะเล็ก ๆ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล-ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี-ชุมพร บริเวณที่หายเป็นส่วนใหญ่ จะเหลือเพียงบางส่วน ยะลา หาดใหญ่ พัทลุง ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สมุทรปราการ อุบลราชธานี แผ่นดินริมแม่น้ำโขงตลอดแนวกาญจนบุรี


ประเทศไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

พื้นที่ในส่วนภาคกลาง อันเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ และบริเวณในส่วนของภาคใต้ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกาะใหญ่ ๆ ได้แก่

1. บริเวณตั้งแต่ชุมพรฝั่งตะวันตก ได้แก่ ท่าแซะ ระนอง สุราษฎร์ธานีฝั่งตะวันตก บริเวณด้านบนของ อ. พนม

อ.เทียนชา อ.บ้านนาเดิม นครศรีธรรมราชตอนบน ขนอม

2. บริเวณตั้งแต่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช ที่ต่อแดนกับจังหวัดกระบี่ด้านบน ฉวาง ร่อนพิบูล ชะอวด จังหวัดตรังด้านตะวันออก จังหวัดพัทลุงด้านตะวันตก หาดใหญ่ จังหวัดยะลาด้านตะวันตก

นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กเกาะน้อยที่เกิดขึ้นมาใหม่ อีกหลายเกาะได้แก่ เกาะสัตหีบ เกาะยะลา เกาะปัตตานี เกาะพัทลุง เกาะสิชล ขนอม เกาะหัวหิน เกาะหาดทรายรี ชุมพร บริเวณที่จะกลายเป็นพื้นที่ติดกับทะเล ดินแดนที่จะมีอาณาเขตติดกับทะเล ได้แก่ สงขลาทางด้านตะวันตก ยะลาทางด้านตะวันออก หาดใหญ่ กระบี่ตอนบนด้านที่ติดกับจังหวัดพังงา ตอนกลางของ จ. สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ อ.พนม อ.เคียงซา จรดเขตจังหวัดกระบี่ ชุมพรด้านใน ท่าแซะ ตอนล่างของเมืองประจวบคีรีขันธ์ และ ถ.เพชรเกษมฝั่งตะวันออกตลอดแนวของ จ. ประจวบคีรีขันธ์ ถ. ชลบุรี-ปากท่อ ช่วงสมุทรสงคราม และสมุทรสาคร ตัวเมืองแปดริ้ว บ้านค่ายปลวกแดง จ.ระยอง ตัวเมืองจันทบุรี และตลาดท่าใหม่วังน้ำเย็น จรด จ.สระแก้ว เหนือเขื่อนเขาแหลมด้านตะวันตก กาญจนบุรี ศรีสะเกษ อุบลราชธานี มุกดาหาร สกลนคร นครพนม เลย หนองคาย อำนาจเจริญ บ้านร่มเกล้า จ.พิษณุโลก อุตรดิตถ์ด้านที่ติดกับประเทศลาว น่านด้านตะวันออกตอนล่าง บ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ จะกลายเป็นดินแดนชายฝั่งทะเล ประเทศไทยเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองรักษาไว้ ซึ่งจะได้รับความบอบช้ำจากมหันตภัยธรรมชาติน้อยที่สุดในโลก และจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำซึ่งมีความเจริญเป็นศูนย์กลางของโลกต่อไป

No comments:

Post a Comment

Popular Posts